วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2563

รวมเว็บ เจ้าของที่ดิน นายหน้าที่ดิน ต้องมี!

 

      เจ้าของที่ดิน หรือ นายหน้าที่ดิน ที่ต้องการจะนำที่ดินไปเสนอขาย-เช่า หรือ นำไปพัฒนาเป็นโครงการอสังหาฯ ประเภทต่าง ๆ ขั้นตอนแรกที่จะต้องทำคือการตรวจสอบศักยภาพที่ดิน ได้แก่ ขอบเขตที่ดิน ข้อมูลโฉนด ราคาประเมินที่ดิน สีผังเมือง แนวเวนคืน พื้นที่ห้ามก่อสร้าง ความกว้างถนนด้านหน้าที่ดิน เพื่อใช้ในการคำนวณศักยภาพการพัฒนาของที่ดิน หากศักยภาพสูงก็สามารถขาย-เช่าได้ในราคาสูงนั่นเอง Feasy ได้รวบรวมเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่เจ้าของที่ดิน และนายหน้าทีี่ดินต้องมี เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว ทุกที่ทุกเวลา แค่มีมือถือก็สามารถเข้าไปเช็คข้อมูลเหล่านี้ได้ทันที

  1. เช็คข้อมูลแปลงที่ดิน กรมที่ดิน

ไม่ว่าจะมีข้อมูลโฉนดที่ดินในมือหรือไม่ คุณก็สามารถเช็คขอบเขตที่ดิน รูปแปลง ขนาดที่ดิน และข้อมูลโฉนดที่ดินบนแผนที่ได้ทันที เพียงค้นหาข้อมูลบนแผนที่ แล้ว Double click บนพื้นที่ที่เราต้องการ

กรมที่ดิน

http://dolwms.dol.go.th/tvwebp/

  1. เช็คราคาประเมินที่ดิน กรมธนารักษ์

หลังจากได้ข้อมูลโฉนดที่ดินมาแล้ว คุณสามารถตรวจสอบราคาประเมินที่ดินที่ใช้เก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามที่กฎหมายกำหนด ได้ทันที

กรมธนารักษ์

http://property.treasury.go.th/pvmwebsite/

  1. เช็คความกว้างถนน สำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร

ความกว้างถนนมีผลต่อศักยภาพการพัฒนาอาคารบนที่ดิน ยิ่งความกว้างถนน และหน้ากว้างที่ดินมาก ยิ่งมีศักยภาพในการพัฒนาโครงการสูง สามารถสร้างอาคารได้ขนาดใหญ่ขึ้น (แต่ไม่เกินข้อจำกัดสีผังเมือง FAR OSR) คุณสามารถตรวจสอบความกว้างถนนได้โดยการค้นหาชื่อถนน ตามเขตที่ตั้งที่ดิน

ความกว้างถนน

http://203.155.220.238/dpw/index.php/yota-datacenter/yota-dc-road/54-data-stat-road-local/788-data-stat-road-localrd

  1. อัพเดทเส้นทางรถไฟฟ้า แนวเวนคืน พื้นที่ห้ามก่อสร้าง เช็คสีผังเมือง Feasy

ดูข้อมูลอสังหาฯ และสร้างรายงานวิเคราะห์ศักยภาพที่ดินในคลิกเดียว

  • ในหน้าแผนที่คุณสามารถดูข้อมูล สีผังเมือง รถไฟฟ้า แนวเวนคืน พื้นที่ห้ามก่อสร้าง และราคาตลาดที่ดิน (ได้รับการประเมินราคาตลาดโดย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ใช้สำหรับเปรียบเทียบดัชนีราคาที่ดินแต่ละทำเล)
  • เมื่อคุณเพิ่มที่ดินลงในเว็บไซต์ เพียงกรอกข้อมูลไม่กี่ข้อ (ข้อมูลของคุณจะถูกจัดเก็บไว้เป็นความลับ) คุณจะสามารถสร้างรายงานศักยภาพที่ดิน ซึ่งประกอบด้วย ราคาตลาดที่ดินรอบข้าง ข้อกำหนดสีผังเมืองกรุงเทพฯ แนวเวนคืน พื้นที่ห้ามก่อสร้าง คำนวณภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คำนวณราคาปล่อยเช่าที่ดินที่เหมาะสม เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นศักยภาพที่ดินได้ง่าย ๆ ในเวลาเพียงไม่กี่นาที
สีผังเมือง รถไฟฟ้า เวนคืน Feasy

สมัครสมาชิกใช้งาน Feasy โปรแกรมวิเคราะห์การลงทุนอสังหาฯ ออนไลน์ ฟรี! คลิกสมัครเลย

สำหรับผู้ใช้งานแพคเกจฟรี! คุณสามารถดูข้อมูลบนแผนที่ (ยกเว้นราคาที่ดิน) เพิ่มที่ดิน ได้ 1 แปลง และเพิ่มยูนิตได้ทั้งหมด 10 ยูนิต เพื่อสร้างรายงานวิเคราะห์ศักยภาพ และวางแผนการลงทุนได้ง่าย ๆ หากต้องการอัพเกรดการใช้งานเพื่อให้สามารถใช้งานได้ครบทุกฟีเจอร์ เราขอแนะนำแพคเกจ Personal ราคา 2,900 บาท/แอคเคาท์/ปี (สมัครสมาชิกภายในสิ้นเดือนก.ค. 2563 แถมอายุการใช้งานเพิ่มอีก 2 เดือน!!)

ดูข้อมูลแพคเกจการใช้งานได้ที่นี่!


Keyword: กรมที่ดิน, ความกว้างถนน, ราคาประเมิน, รถไฟฟ้า

#ตลาดอสังหาฯ#ที่ดิน#ลงทุนอสังหาฯ

เว็บไซต์ อ้างอิง : https://www.feasyonline.com/content/detail/1231

ถ้าที่ดินถูกเวนคืน ต้องทำอย่างไร? ค่าทดแทนราคาที่ดินจะคุ้มไหม?

 

        ก่อนอื่นเลยควรตรวจสอบก่อนว่าพื้นที่ที่ภาครัฐประกาศเวนคืนครอบคลุมพื้นที่บริเวณใดบ้าง โดยสามารถตรวจสอบง่าย ๆ บนแผนที่ออนไลน์ เพียง“>สมัครสมาชิกเว็บไซต์ Feasy ก็ตรวจสอบแนวเวนคืนใน 18 จังหวัดบนแผนที่ออนไลน์ได้ฟรี! แล้วยังมีลิงก์เอกสารราชการให้ไปอ่านรายละเอียดได้อีก อย่างไรก็ตามขอบเขตแนวเวนคืนนี้เป็นเพียงแนวทางที่วางไว้เท่านั้น หากที่ดินเราอยู่ใกล้ก็อาจถูกเวนคืนได้ หรือ ต่อให้อยู่ในขอบเขตแต่ก็อาจจะไม่ถูกเวนคืนก็ได้เหมือนกัน ดังนั้นเราจึงควรนำเลขที่โฉนดไปตรวจสอบให้แน่ชัดกับหน่วยงานรัฐที่ประกาศการเวนคืนออกมา

อ่านเพิ่มเติม >> ตรวจสอบแนวเวนคืนกับหน่วยงานภาครัฐที่ไหน?

หากที่ดินของเราจะถูกเวนคืน ก็จะต้องทำตามขั้นตอนการขอเวนคืนภาครัฐ ดังนี้

  1. ภาครัฐประกาศพื้นที่ที่อยู่ในเขตแนวเวนคืนที่ดิน
  2. เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการสำรวจว่าอสังหาริมทรัพย์ใดบ้าง ที่อยู่ในเขตพื้นที่เวนคืนที่ดิน
  3. กำหนดราคาเวนคืนของอสังหาริมทรัพย์ และที่ดินในพื้นที่เวนคืน พิจารณาจากสภาพและทำเลที่ตั้งของที่ดินด้วย และถ้าต้องเวนคืนเพียงบางส่วนของที่ดิน แล้วส่งผลให้ที่ดินส่วนที่เหลือนั้นราคาตก อันเกิดจากการเวนคืนที่ดิน เจ้าหน้าที่ต้องให้กำหนดเงินค่าทดแทนราคาที่ตกนั้นด้วย
  4. ทำการประกาศราคาค่าทดแทนพื้นที่ที่ถูกเวนคืน ซึ่งหากหน่วยงานประกาศแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนใจปรับลดจำนวนเงินค่าทดแทนได้ในภายหลัง
  5. ออกหนังสือแจ้งเจ้าของที่ดินให้มาติดต่อทำสัญญาซื้อขาย ถ้ายังไม่ตกลงทำสัญญาจะดำเนินการจ่ายเงินค่าทดแทนก่อน
  6. ทำสัญญาซื้อขายและรับเงินทดแทนจากเจ้าหน้าที่
  7. หากไม่พอใจคำวินิจฉัยเงินทดแทนของรัฐมนตรี สามารถอุทธรณ์ขอเพิ่มราคาเงินค่าทดแทน ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ โดยฟ้องคดีต่อศาลภายใน 1 ปี
  8. เมื่อศาลตัดสินเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จ่ายเงินค่าทดแทนและเข้าครอบครองอสังหาริมทรัพย์และที่ดิน
  9. ขนย้ายรื้อถอนอสังหาริมทรัพย์โดยรัฐหรือผู้ถูกเวนคืน
  10. ตรา พ.ร.บ. เวนคืนฯ เพื่อให้กรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ตกเป็นของรัฐ

เมื่อถูกเวนคืนเราจะได้รับค่าทดแทนในราคาตลาด ซึ่งต่างจากราคาประเมินที่ดินที่ใช้สำหรับทำนิติกรรม เพราะในหลายพื้นที่ราคาประเมินที่ดินอาจมีราคาเพียงครึ่งหนึ่งของราคาตลาดเลยทีเดียว ดังนั้นการได้ค่าทดแทนตามราคาตลาด จึงเป็นราคาที่เหมาะสมตามแต่ศักยภาพของแปลงที่ดินนั้นๆ ซึ่งมีปัจจัยต่างๆ มาประกอบได้แก่ พื้นที่สีผังเมือง พื้นที่ห้ามก่อสร้าง รูปร่างที่ดิน ขนาดที่ดิน ทางเข้าออก เป็นต้น หากแนวเวนคืนพาดผ่านพื้นที่บางส่วนของที่ดินทำให้รูปร่างเปลี่ยนไปก็จะทำให้ราคาที่ดินที่เหลืออยู่มีมูลค่าเปลี่ยนไป หากเหลือที่ดินน้อยจนทำอะไรไม่ค่อยได้ก็ควรจะได้ค่าทดแทนราคาที่ดินที่สมน้ำสมเนื้อ

อยากรู้ศักยภาพที่ดินของเรา
แค่สมัครสมาชิก เพิ่มที่ดินก็ได้รับรายงานวิเคราะห์ศักยภาพที่ดินแล้ว!

Keyword: แนวเวนคืน, ตรวจสอบแนวเวนคืน, ราคาที่ดิน

#ความรู้อสังหาฯ.#แนวเวนคืน

เว็บไซต์ อ้างอิง : https://www.feasyonline.com/content/detail/1264

เช็คแนวเวนคืนบนแผนที่ ตรวจสอบแนวเวนคืนกับหน่วยงานภาครัฐที่ไหน?

 

           เจ้าของบ้าน และคนซื้อบ้านต่างก็ต้องตรวจสอบแนวเวนคืนกันก่อนซื้อที่ดิน เพราะหากซื้อที่ดินทำเลดีแต่ไปเจอแนวเวนคืนขยายถนนเข้ามาก็ต้องเริ่มต้นใหม่ รับค่าทดแทนแล้วไปซื้อที่ใหม่ วางแผนอนาคตกันใหม่อีกที ดังนั้นการตรวจสอบแนวเวนคืนจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยปกติแล้วเจ้าของบ้าน เจ้าของที่พักมักจะได้รับข่าวสาร ประกาศเวนคืนว่าจะมีในทำเลไหน หากใกล้บ้านเราก็ต้องไปอ่านประกาศ แล้วติดต่อหน่วยงานราชการเพื่อตรวจสอบแนวเวนคืนให้มั่นใจ ว่าบ้านของเราจะถูกเวคชนคืนหรือไม่ แต่ทุกวันนี้มีเทคโนโลยีที่ช่วยให้เราตรวจสอบแนวเวนคืนได้ง่ายขึ้น

           Feasy ได้รวบรวมข้อมูล แนวเวนคืนใน 18 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา EEC (ชลบุรี, ระยอง, ฉะเชิงเทรา) นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี มหาสารคาม เชียงใหม่ นครปฐม สมุทรสาคร เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ภูเก็ต และ สงขลา มาไว้ให้คุณแล้ว คุณสามารถดูขอบเขตแนวเวนคืนในเบื้องต้นได้บนแผนที่ออนไลน์ผ่านมือถือ และคอมพิวเตอร์ ช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณเห็นภาพได้อย่างรวดเร็ว และยังมีลิงก์ให้คุณอ่านรายละเอียดเอกสารราชการที่ประกาศใช้แนวเวนคืนดังกล่าวอีกด้วย แค่

สมัครใช้งานฟรี ก็ตรวจสอบแนวเวนคืนได้แล้ว

           หากที่ดินของคุณอยู่ใกล้พื้นที่แนวเวนคืนที่แสดงบนแผนที่ออนไลน์ คุณก็สามารถตรวจสอบอย่างละเอียดได้ที่หน่วยงานราชการ เจ้าของโครงการพัฒนาที่ต้องการเวนคืนพื้นที่ดังกล่าว ดังนี้ 

  1. โครงการตัดถนนใหม่ หรือ ปรับปรุขยายถนนในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร 
    ภายใต้ความรับผิดชอบและงบประมาณของกรุงเทพมหานคร
    ติดต่อ: สำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร กองรังวัดฝ่ายจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ถนนวิภาวดีรังสิต เขตดินแดง
    โทร: 0-2245-9829
    เว็บไซต์: www.bangkok.go.th/yota
  2. โครงการก่อสร้างถนน (ทางหลวงแผ่นดิน) ทางเชื่อมระหว่างจังหวัด ทางหลวงพิเศษ(มอเตอร์เวย์) ติดต่อ: กรมทางหลวง ถนนศรีอยุธยา สำนักจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน
    โทร: 0-2354-6668-76
    เว็บไซต์: www.doh.go.th
  3. โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำ, ถนนทางหลวงชนบท 
    ติดต่อ: กรมทางหลวงชนบท ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ 10220 โทร: 0-2551-5000 หรือ 0-2521-5286
    เว็บไซต์: www.drr.go.th
  4. โครงการก่อสร้างทางด่วนและทางพิเศษ
    ติดต่อ: การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) ฝ่ายจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ถนนอโศก-ดินแดง
    โทร: 0-2641-5355-9 ต่อ 3312-7
    เว็บไซต์ www.exat.co.th
  5. โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า
    ติดต่อ: การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10320
    โทร: 0-2716-4000 Call Center 0-2716-4044 (ฝ่ายกรรมสิทธิ์ที่ดิน โทร.0-2246-5733, 0-22465744)
    เว็บไซต์: www.mrta.co.th
  6. โครงการก่อสร้างรถไฟชานเมือง รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์
    ติดต่อ: การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ถนนรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ หรือ เว็บไซต์: www.railway.co.th


Keyword: แนวเวนคืน, ตรวจสอบแนวเวนคืน

#ความรู้อสังหาฯ.#แนวเวนคืน

เว็บไซต์ อ้างอิง : https://www.feasyonline.com/content/detail/1263

พื้นที่ห้ามก่อสร้างสำคัญอย่างไร ข้อควรระวังก่อนซื้อขายที่ดิน

 

พื้นที่ห้ามก่อสร้าง เป็นการกำหนดบริเวณซึ่งอาคารบางชนิดจะปลูกสร้างขึ้นมิได้ หมายความว่าในพื้นที่ที่กำหนดนั้นไม่สามารถสร้างอาคารบางชนิด ตามที่ระบุไว้ในเอกสารราชการนั่นเอง โดยจะมีความเข้มงวดต่างกันในแต่ละพื้นที่ หากต้องการจะซื้อขายที่ดินในบริเวณใกล้กับสถานที่สำคัญควรจะตรวจสอบพื้นที่ห้ามก่อสร้­างก่อนเพื่อความมั่นใจ โดยเฉพาะ บริเวณพื้นที่รอบอนุสาวรีย์ชัย วงเวียน เกาะรัตนโกสินทร์ และสนามบินจะมีความเข้มงวดสูง

ตัวอย่างเช่น พื้นที่รอบอนุสาวรีย์ชัยจะมีการกำหนดพื้นที่ห้ามก่อสร้าง

  • ห้ามมิให้บุคคลใดปลูกสร้างอาคารสูงเกิน 16 เมตรภายในรัศมี 200 เมตรจากจุดศูนย์กลางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และ
  • ห้ามมิให้บุคคลใดปลูกสร้างอาคารสูงเกิน 24 เมตรภายในรัศมี 300 เมตรจากจุดศูนย์กลางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ดังเช่นในรูปตัวอย่าง

หากใครต้องการเสนอขาย ซื้อขายที่ดินสำหรับทำคอนโดมิเนียมอาคารสูงก็ต้องพ้นจากรัศมีดังกล่าวก่อน จะเห็นว่าคอนโดมิเนียมสูง ที่อยู่ใกล้อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิที่สุดคือ คอนโด High Rise 39 ชั้น โครงการ IDEO Q Victory เพราะที่ดินพ้นจากระยะ 300 เมตรรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมานิดเดียวเท่านั้น

พื้นที่ห้ามก่อสร้าง

พื้นที่ห้ามก่อสร้าง ส่งผลต่อราคาที่ดินไหม?

           แน่นอนว่าถ้าที่ดินอยู่ข้างกัน แปลงหนึ่งสร้างตึกสูงได้ แต่อีกแปลงสร้างได้แค่ตึกเตี้ยๆ ส่งผลให้มูลค่าโครงการต่างกันมาก ก็จะทำให้ราคาที่ดินต่างกันด้วย เพราะขายได้ราคาต่างกัน ต้นทุนก็ควรจะราคาต่างกัน มิฉะนั้นซื้อที่ดินไปก็จะพัฒนาได้ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนนั่นเอง ก่อนซื้อขายที่ดินจึงควรตรวจสอบศักยภาพที่ดินให้ดีเพื่อให้คุ้มค่าต่อการลงทุนอสังหาฯ

วิธีการตรวจสอบพื้นที่ห้ามก่อสร้าง

ภาครัฐจะออกกฎกระทรวง หรือ ข้อบัญญัติกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในแต่ละพื้นที่ ซึ่งเราสามารถตรวจสอบได้ผ่านเอกสารราชการเหล่านี้ ทั้งนี้ Feasy ได้รวบรวมข้อมูลพื้นที่ห้ามก่อสร้างใน 18 จังหวัดไว้ในเว็บไซต์ แค่ สมัครสมาชิกใช้งานฟรี! ก็สามารถเช็คข้อมูลเบื้องต้นได้ง่าย ๆ แล้ว

พื้นที่ห้ามก่อสร้าง

หากคุณเพิ่มที่ดินเข้าไปใน Feasy ก็จะได้รับรายงานวิเคราะห์ศักยภาพที่ดิน ที่ระบุข้อมูลเกี่ยวกับแปลงที่ดินของคุณอัตโนมัติ ได้แก่ สีผังเมือง FAR OSR ราคาตลาดที่ดินใกล้เคียง แนวเวนคืน พื้นที่ห้ามก่อสร้าง คำนวณภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงการคำนวณค่าเช่าที่ดินในกรณีที่ต้องการปล่อยเช่า หรือ เซ้งที่ดินอีกด้วย

Keywords: พื้นที่ห้ามก่อสร้าง, ที่ดิน, ราคาที่ดิน

#กฎหมายอสังหาฯ#ที่ดิน#พื้นที่ห้ามก่อสร้าง

เว็บไซต์ อ้างอิง : https://www.feasyonline.com/content/detail/1270

ถ้าที่ดินโดนผังเมือง 2 สี จะสร้างอาคารได้ตามข้อกำหนดผังเมืองใด?

 

มีคนสอบถามมาว่า ถ้าที่ดินแปลงใหญ่จนโดนพื้นที่สีผังเมือง 2 สี จะพัฒนาที่ดินได้ตามสีผังเมืองไหน?

??

 Feasy อ้างอิงข้อมูลจาก คู่มือผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ระบุว่า

??

ถาม: หากแปลงที่ดินถูกกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินหลายประเภท จะมีแนวปฎิบัติในการออกแบบอย่างไร?

??

ตอบ: ให้พิจารณาการใช้ประโยชน์ที่ดินและพื้นที่แยกตามประเภทที่ได้ระบุไว้ในข้อกำหนดแผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน หมายความว่า ถ้าแปลงที่ดินนี้ครึ่งหนึ่งอยู่ในเขตพื้นที่สีแดง พ.3(ที่ดินประเภทพาณิชยกรรม) FAR 7 OSR 4.5%  ก็พัฒนาอาคารได้ตามข้อกำหนดพื้นที่สีแดงส่วนอีกครึ่งอยู่ในพื้นที่สีส้ม ย.7(ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง) FAR 5:1 OSR 6% ก็พัฒนาอาคารได้ตามพื้นที่สีส้ม นั่นเอง เท่ากับว่าที่ดินฝั่งนึงสร้างอาคารได้ขนาดใหญ่กว่าอีกฝั่งนึง เพราะอยู่ในเขตพื้นที่สีผังเมืองต่างกัน

คุณสามารถดูข้อมูลสีผังเมืองบนแผนที่ทั้งผังเมืองกรุงเทพปัจจุบัน และร่างผังเมืองใหม่ได้ใน Feasy ฟรี! เพียงสมัครสมาชิก ที่นี่ http://feasyonline.com/member/register

 อย่างไรก็ตาม ข้อมูลสีผังเมืองนี้ใช้เพื่อตรวจสอบเบื้องต้นเท่านั้น หากต้องการตรวจสอบอย่างละเอียดว่าแปลงที่ดินอยู่ในพื้นที่ใด เราแนะนำให้ติดต่อกรมที่ดิน  

Keyword: สีผังเมือง, FAR

#กฎหมายอสังหาฯ#FAR#ผังเมือง

เว็บไซต์ อ้างอิง : https://www.feasyonline.com/content/detail/1273

สัมมนา ขายที่ดินเงินล้าน ต้องรู้อะไร

 

อยากขายที่ดิน อยากเป็นนายหน้าขายที่ดิน อยากรู้ว่า Developer เขาเลือกซื้อที่ดินอย่างไร? ห้ามพลาด “สัมมนา: ขายที่ดินเงินล้าน ต้องรู้อะไรบ้าง?

ให้คุณเรียนรู้ขั้นตอน วิธีการ และเทคนิคการวิเคราะห์ศักยภาพที่ดิน รู้ว่าที่ดินแปลงไหนน่าขาย ควรนำไปขายใคร และควรตั้งราคาเท่าไหร่? ให้คุณปิดดีลเงินล้านจากการขายที่ดินสุดหิน ที่ดินแปลงไหนขายยาก มาฟัง Case Study การวิเคราะห์ที่ดิน และปิดการขายให้สำเร็จ

สัมมนา: ขายที่ดินเงินล้าน ต้องรู้อะไรบ้าง?

เปิดเคล็ดลับ และเทคนิคจาก Developer และนายหน้าขายที่ดินตัวจริง! 

  • ขายที่ดินให้ Developer ต้องเตรียมตัวอย่างไร? 
  • รู้ศักยภาพที่ดิน รู้ว่าจะไปขายใคร?
  • สแกนที่ดินง่าย ไม่เสียเวลากับของที่ไม่ใช่
  • ไม่เสียโอกาส รู้เทคนิคจัดการกับที่ดินรูปร่างแปลก ที่ดินตาบอด แปลงหัวมุม ที่ดินแปลงใหญ่ไป เล็กไป

อยากขายที่ดินให้ได้เร็ว ๆ ต้องทำอย่างไร
ที่ดินในมือมีศักยภาพอย่างไร ต้องรู้ !

สัมมนา ขายที่ดินเงินล้าน ต้องรู้อะไร

วิทยากรจัดเต็ม ความรู้แน่นๆ

  • ทิศทางตลาดอสังหาฯ  ทำเลไหนดี น่าสนใจ
    ดร.โสภณ พรโชคชัย
     
    ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
  • เทคนิคการเสนอขายที่ดิน จากผู้คัดเลือกที่ดินตัวจริง
    คุณภูวสิทธิ์ พนมสิงห์ 

    ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและจัดซื้อที่ดิน บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ และทีมงานเพจ Land Everywhere
  • แนวทาง และมุมมองการเลือกซื้อที่ดินของ Developer
    ดร.อัญชลี วิจิตรพงศ์พันธุ์

    รองประธานฝ่ายจัดซื้อที่ดิน บมจ. พฤกษา เรียลเอสเตท
  • เทคนิคการจัดการกับแปลงที่ดินที่ขายออกยาก ทำอย่างไรจึงจะปิดการขายได้
    คุณวงศกร สรรพบพิตร
     
    นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ วินเนอร์เอสเตท
  • เทคนิควิเคราะห์ศักยภาพที่ดินเบื้องต้น ไม่เสียเวลากับของที่ไม่ใช่
    คุณน้ำทิพย์ พรโชคชัย
     
    โปรแกรมวิเคราะห์การลงทุนอสังหาฯ ออนไลน์ลงทะเบียนได้ที่>> https://www.trebs.ac.th/th/81/Seminar:-Real-Estate-Analysis

สิทธิพิเศษ สำหรับผู้เข้าร่วมอบรม
ได้สิทธิสมัคร Feasy โปรแกรมวิเคราะห์การลงทุนอสังหาฯ ออนไลน์
ในราคาพิเศษจาก 2,900 บาทเหลือเพียง 1,900 บาท/ผู้ใช้/ปี

เว็บไซต์อ้างอิง : https://www.trebs.ac.th/th/81/Seminar:-Real-Estate-Analysis

ราคาตลาดที่ดิน คืออะไร? ทำไมถึงไม่ตรงกับราคาที่ดินของฉัน?

 

หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมราคาที่ดินที่อยู่ในทำเลใกล้กับเรา ถึงมีราคาสูงกว่าของเรามาก หรือแม้แต่ราคาซื้อขายของที่ดินแปลงข้างกัน บางครั้งก็ไม่เท่ากัน เป็นเพราะอะไร? นั่นเป็นเพราะว่า ที่ดินแต่ละแปลงมีลักษณะ และศักยภาพต่างกัน ทำให้ราคาที่ดินไม่เท่ากันนั่นเอง

ราคาที่ดิน 3 ประเภท
ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าราคาที่ดินมี 3 ประเภท ได้แก่

  1. ราคาประเมินราชการ ใช้สำหรับการทำนิติกรรม
  2. ราคาตลาด  เป็นราคาที่ได้รับการประเมินโดยหน่วยงาน โดยอิงตามศักยภาพของที่ดิน
  3. ราคาซื้อขายจริง เกิดจากการต่อรองกัน อาจจะสูงหรือต่ำกว่าราคาตลาดก็ได้

ราคาตลาด ในเว็บไซต์ Feasy เป็นราคาที่ได้รับการประเมินโดย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ทุกปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 ด้วยการตั้งสมมุติฐานการประเมินราคาที่ดินแปลงมาตรฐาน ที่มีรูปร่างปกติสี่เหลี่ยมผืนผ้า ติดถนน มีทางเข้าออกตามกฎหมาย และแบ่งออกเป็น 3 ขนาด คือ 4, 16 และ 36 ไร่

ราคาตลาดนี้ใช้เป็นดัชนีเปรียบเทียบราคาในแต่ละพื้นที่
แต่ไม่ได้หมายความว่าที่ดินข้างๆ กันจะราคาเท่ากับราคาตลาด

ใช้เป็นดัชนีในการเปรียบเทียบราคาในแต่ละพื้นที่ จะไม่เท่ากับราคาซื้อขายจริงในแต่ละแปลง เพราะราคาซื้อขายจริงอยู่ที่ตกลงกัน อาจจะสูงหรือต่ำกว่าราคาตลาดก็ได้ มูลค่าที่ดินของคุณขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่ ทำเลที่ตั้ง ระยะห่างจากสถานที่สำคัญ ทางเข้าออก รูปร่างที่ดิน รวมถึงข้อจำกัดทางด้านกฎหมายต่าง ๆ ซึ่งมีผลต่อศักยภาพในการพัฒนาที่ดิน

ทำไมราคาตลาดถึงไม่ตรงกับราคาที่ดินของฉัน

หากที่ดินของคุณอยู่ในซอย จะตั้งราคาขายเท่ากับที่ดินติดถนนใหญ่คงไม่ได้ เพราะศักยภาพต่างกัน เช่น หากคุณมีที่ดินอยู่ในซอยกว้าง 6 เมตร จะไปเทียบกับราคาตลาด หรือ ราคาซื้อขายของที่ดินติดถนนใหญ่ไม่ได้ เพราะที่ดินของคุณอาจจะพัฒนาได้เพียงทาวน์เฮาส์ อาคารพานิชย์ หรือ บ้านราคาประมาณ 3-5 ล้านบาทเท่านั้น ในขณะที่ ที่ดินติดถนนใหญ่อาจพัฒนาเป็นโครงการมูลค่าหลายร้อยล้านได้ ทำให้ราคาที่ดินต่างกันอย่างมากนั่นเอง

ราคาที่ดิน ขึ้นอยู่กับศักยภาพในการสร้างรายได้

ราคาที่ดินแต่ละแปลงจะไม่เท่ากัน เพราะมีศักยภาพต่างกัน ถึงแม้จะเป็นแปลงที่อยู่ข้างกัน แต่แตกต่างกันที่ รูปร่าง ขนาด การเข้าถึง แปลงหัวมุม สีผังเมือง หรือข้อกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ก็จะทำให้มีศักยภาพในการพัฒนาต่างกันนั่นเอง หากทีึ่ดินมีศักยภาพในการพัฒนาสูง สร้างมูลค่าได้มาก ก็มีโอกาสที่ราคาที่ดินจะสูงขึ้นตาม

แล้วจะตั้งราคาขายที่ดินอย่างไร?

ก่อนจะตั้งราคาขายที่ดิน คุณต้องรู้ก่อนว่าที่ดินนั้นมีศักยภาพในการพัฒนาอย่างไร? แล้วจึงจะเลือกวิธีการตั้งราคา หรือ การประเมินมูลค่าทรัพย์สิน Feasy ขอแนะนำ 3 วิธีการที่มักจะใช้กันเพื่อประเมินมูลค่าที่ดินเปล่า ไปจนถึงที่อยู่อาศัย ดังนี้

  1. วิธีเปรียบเทียบราคาตลาด
    เหมาะสำหรับ: อสังหาฯ ที่มีอยู่ทั่วไปในตลาด เช่น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม อาคารพานิชย์ เป็นต้น เพราะสามารถหาอสังหาริมทรัพย์ที่มีลักษณะใกล้เคียงกันมาเปรียบเทียบได้ง่าย
    วิธีการตั้งราคา: หาราคาซื้อขายจริง (ไม่ใช่แค่ราคาประกาศขาย) ของอสังหาฯ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับของเรามาเปรียบเทียบกัน เช่น หากเรามีบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ อยู่ติดถนนซอย 6 เมตร ก็ให้หาอสังหาริมทรัพย์ลักษณะใกล้เคียงกัน ในละแวกเดียวกันแล้วนำมาเปรียบเทียบ บวก ลบ ราคาตามลักษณะ เช่น ความใหม่-เก่า ความสวยงาม ทางเข้าออก สภาพแวดล้อม และอื่น ๆ เป็นต้น
  2. วิธีการตั้งสมมุุติฐานการพัฒนา
    เหมาะสำหรับ:ที่ดินเปล่า มีศักยภาพในการพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุด
    วิธีการตั้งราคา:วิเคราะห์ว่าที่ดินดังกล่าวมีศักยภาพพัฒนาเป็นอะไรที่ให้ประโยชน์สูงสุด เช่น ที่ดินตาบอดแต่รวมแปลงกับที่ดินด้านหน้าแล้วสามารถนำไปพัฒนาคอนโดมิเนียมได้ ก็นำคำนวณโดยคิดว่าเป็นที่ดินสำหรับทำคอนโดมิเนียมราคา 3 ล้าน/ห้อง จำนวน 100 ห้องได้
    ต้นทุนราคาที่ดิน = มูลค่าโครงการ – ต้นทุนค่าก่อสร้าง – ต้นทุนอื่น ๆ 
    เมื่อหักลบค่าใช้จ่ายแล้ว ก็จะได้ต้นทุนราคาที่ดินที่นักพัฒนาสามารถซื้อได้ เพื่อจะขายคอนโดในราคาดังกล่าว ทำให้เราสามารถต่อรอง ตั้งราคาใหม่ที่สูงกว่าเดิมได้

    Feasy มีเครื่องมือคำนวณต้นทุนราคาที่ดิน สำหรับพัฒนาคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์/ทาวน์โฮม พร้อมข้อมูลตลาดสำหรับการเปรียบเทียบรายทำเลอีกด้วย หากคุณ “เพิ่มที่ดิน” แล้วเห็นว่าที่ดินมีศักยภาพในการพัฒนาในรูปแบบดังกล่าว ก็สามารถคำนวณได้ง่าย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ Excel ให้วุ่นวาย
  3. วิธีแปลงรายได้เป็นมูลค่า
    เหมาะสำหรับโรงแรม อะพาร์ตเมนต์ หอพัก  หรือ เซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์
    วิธีการตั้งราคา: คำนวณจากศักยภาพในการสร้างรายได้ ยิ่งสร้างรายได้ได้มาก ก็สามารถตั้งราคาได้สูงนั่นเอง
    มูลค่าวันนี้ = ผลรวมของรายได้สุทธิที่จะได้ในอนาคตจนสิ้นอายุขัย
    โดยใช้สูตรคำนวณ V = I / R โดยที่ V คือ มูลค่าทรัพย์สิน, I คือ รายได้สุทธิ และ R คืออัตราผลตอบแทน
    อัตราผลตอบแทน มักใช้อัตราขั้นต่ำที่เงินจะเติบโตโดยที่เงินทำงานให้เรา เช่น อัตราเงินฝากของสถาบันการเงิน หรือ การซื้อพันธบัตรรัฐบาล เพื่อให้เราไม่ประเมินมูลค่าไว้สูงเกินความเป็นจริงมากเกินไป

จะเห็นว่าต่อให้เรามีที่ดินแปลงหนึ่งแต่เรามองเห็นศักยภาพในการพัฒนาที่ต่างกันก็ทำให้มูลค่า หรือ ราคาที่ดินที่เราจะขายได้ต่างกันนั่นเอง เช่น หากเราไปเจอที่ิดินตาบอด หรือที่ดินแปลงมุมที่ติดข้อกำหนดทางกฎหมายทำให้ไม่สามารถพัฒนาอะไรได้ ดูเหมือนไม่มีมูลค่าเลย แต่หากนำมารวมแปลงกับที่ดินใกล้เคียงก็อาจจะมีศักยภาพในการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ที่มีมูลค่าสูง ส่งผลให้ราคาที่ดินสูงขึ้นได้


Keyword: ราคาที่ดิน, ขายที่ดิน

#มุมมองนักลงทุน#ที่ดิน#ราคาที่ดิน

เว็บไซต์ อ้างอิง : https://www.feasyonline.com/content/detail/1276

เจาะลึก! 5 อันดับ บ้านคอนโด ทำเลไหน ราคาเท่าไหร่ ขายดีสวนกระแส

 

       ผลกระทบจากโควิด และเศรษฐกิจโลกทำให้กำลังซื้อทั้งในไทยและต่างชาติหายไปอย่างรวดเร็ว โครงการที่อยู่อาศัย บ้าน-คอนโดหลายที่จึงขายไม่ค่อยออก ต้องจัดโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม เพื่อเร่งระบายสต๊อกอย่างรวดเร็ว จะว่าอสังหาฯ ช่วงนี้ซบเซาก็ว่าได้ แต่ก็มีบางทำเล บางโครงการที่ยังไปต่อได้ Demand ยังสูงกว่า Supply ในตลาด ถึงขั้นที่เรียกว่าขายดีสวนกระแสเลยทีเดียว เรามาดูข้อมูลตลาดอสังหาฯ กลางปี พ.ศ. 2563 จากการสำรวจโดย ฝ่ายวิจัย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ที่นำเสนอผ่านเว็บไซต์ Feasy อัพเดททุกครึ่งปี (อัพเดทล่าสุด กลางปี 2563)

       มาดูกันว่า บ้าน-คอนโดทำเลไหน ระดับราคาเท่าไหร่ ที่ยังขายดีสวนกระแส อัตราการขายเฉลี่ย (Sold Average) มากกว่า 20% ต่อเดือน ทั้งที่ปกติแล้วอัตราการขายเฉลี่ยของโครงการอาจอยู่ที่ราว 2-5% ตลอดระยะเวลาที่เปิดขาย เช่น คอนโดอาจใช้เวลาขายเฉลี่ยประมาณ 2-3 ปี ถ้ามี 100 หน่วยก็จะขายได้เฉลี่ย 2-5 หน่วยต่อเดือนนั่นเอง โดยที่ช่วงแรกๆ อาจจะขายดี ขายได้เดือนละ 20-30% แต่หลังจากนั้นจะค่อยๆ ชะลอลง จนกว่าจะขายหมด ทำให้อัตราการขายเฉลี่ยต่อเดือนไม่สูงนั่นเอง

อันดับที่1: คอนโด ทำเลคลองสาน ระดับราคา 10 -20 ล้านบาทอัตราการขาย 92.9% ต่อเดือน

บ้านคอนโดขายดี

       ทำเลคลองสานอยู่ฝั่งธนบุรี ติดแม่น้ำเจ้าพระยา มีศูนย์การค้า Icon Siam ในทำเลนี้ด้วย เมื่อดูข้อมูลตลาดจากการสำรวจโดย ฝ่ายวิจัย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ที่นำเสนอผ่านเว็บไซต์ Feasy อัพเดททุกครึ่งปี (อัพเดทล่าสุด กลางปี 2563) จะพบว่ามีอัตราการขาย 92.9% ต่อเดือน! ถ้ามีคอนโดอยู่ 100 หน่วย จะใช้เวลาขายไม่ถึง 1 เดือนก็ขายได้หมดแล้ว แสดงว่าขายหมดเร็วมาก เป็นเพราะมีโครงการที่ขายดีเป็นพิเศษเปิดตัวในทำเลดังกล่าว ถึงแม้ระดับราคาจะแพงถึง 10 – 20 ล้านแต่เมื่อเทียบกับศักยภาพทำเลคอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว ถือว่าคุ้มค่า อีกทั้งกลุ่มผู้ซื้อเป็นผู้มีรายได้สูง ซึ่งอาจไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิดมากนัก อีกทั้ง Supply คอนโดระดับราคานี้อาจมีน้อยกว่า Demand ทำให้โครงการขายหมดได้ในเวลาไม่นาน

       ไม่ใช่ว่าคอนโด ในคลองสาน ทุกระดับราคาจะขายดี หากคุณ “เพิ่มที่ดิน” แล้ว “สร้างแผนการลงทุน” พัฒนาคอนโดมิเนียมในทำเล คลองสาน แล้วจะพบว่า คอนโดในทำเลนี้ ระดับราคาอื่น มีอัตราการขายอยู่ราว 2.1% – 14.7% โดยที่คอนโดในช่วงราคา 3 ล้านขึ้นไปจะขายได้ดีกว่า อัตราการขายมากกว่า 10% ทั้ง ๆ ที่สัดส่วนอุปทานเหลือขาย (แผนภูมิวงกลม) ส่วนใหญ่เป็นคอนโดราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท (คอนโด 1-2 ล้านบาท 19.2% และ คอนโด 2-3 ล้านบาท 55%) แสดงว่าของที่ยังเหลือส่วนใหญ่เป็นของราคาไม่แพง ในขณะที่ของแพงขายได้ดี ระบายสต๊อกได้มากกว่า อาจเป็นเพราะว่ากำลังซื้อกลุ่มกลาง-บน ยังสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้

วิเคราะห์ที่ดิน

คุณก็วิเคราะห์ที่ดินเองได้ แค่สมัครสมาชิกฟรี! https://www.feasyonline.com/member/register (แพคเกจฟรี วิเคราะห์ที่ดินได้ 1 แปลง)

อัพเกรดแพคเกจ Personal เพียง 2900 บาท/ผู้ใช้/ปี

– เพิ่มที่ดินได้ไม่จำกัดจำนวน
– Workshop กลุ่มย่อย เรียนรู้จากเคสจริง
– ดูราคาตลาดที่ดินกว่า 400 ทำเล (สำหรับเปรียเทียบแต่ละทำเล ไม่สะท้อนราคารายแปลง)

อันดับที่ 2: คอนโด ทำเลบางบัวทอง ระดับราคา 3 -5 ล้านบาท อัตราการขาย 32.5% ต่อเดือน

บ้านคอนโด ทำเลขายดี

       ทำเลบางบัวทองครอบคลุมพื้นที่ เซนทรัลเวสต์เกท IKEA บางใหญ่ และปลายสายของ MRT รถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงคลองบางไผ่-เตาปูน) มีคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้จำนวนไม่มาก เราจะพบว่านอกจากอัตราการขายของคอนโดราคา 3-5 ล้านจะสูงถึง 32.5% ต่อเดือนแล้ว ยังไม่มี Supply คอนโดในระดับราคานี้เหลืออยู่อีกด้วย (แผนภูมิวงกลม) ของที่เหลือขายตอนนี้คือคอนโด ระดับราคา 1-2 ล้านบาท เป็นไปได้ว่า คอนโดระดับราคา 3-5 ล้านบาท ซึ่งเป็นรูปแบบห้องขนาดใหญ่ 2 ห้องนอน ผลิตออกมาน้อย เมื่อเทียบกับ demand ของผู้ซื้อที่สูงกว่า จึงขายหมดเร็ว

อันดับที่ 3:  ทาวน์เฮาส์ ทำเล ศรีนครินทร์-อุดมสุข ระดับราคา 5 -10 ล้านบาท อัตราการขาย 32.4% ต่อเดือน

บ้านคอนโด ทำเลขายดี

       บริเวณสวนหลวง ร.9 มีเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว-สำโรง) ซึ่งมีแผนจะก่อสร้างเสร็จในปี 2564 เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีสำโรง และ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ สถานีพัฒนาการ ทำให้ทำเลนี้มีทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮมเกิดขึ้นมามากมาย จะเห็นว่าตลาดทาวน์เฮาส์ราคาแพง 5-10 ล้านบาท/หลัง ขายดีมาก เพราะอัตราการขายสูงถึง 32.4% และยังไม่มีอุปทานเหลือขายในตลาดอีกด้วย (ค่าของช่วง 5-10 ล้านบาทในแผนภูมิวงกลมเป็น 0%)  ในขณะที่ทาวน์โฮมราคา 2-3 ล้าน และ 3-5 ล้าน ก็มีอัตราการขายที่ค่อนข้างสูง 6.4% – 7% แสดงว่ามีความต้องการสูงกว่าอุปทานในตลาด อาจมีอุปทานในตลาดน้อยนั่นเอง

อันดับที่ 4:  คอนโด ทำเล บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่ ระดับราคา 5 -10 ล้านบาท อัตราการขาย 25.6% ต่อเดือน

บ้านคอนโดทำเลขายดี

       ทำเลบางกอกน้อย-บางกอกใหญ่ มีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ช่วงเตาปูน-ท่าพระ) ที่เพิ่งเปิดให้บริการปลายปี 62 ทำให้มีโครงการอสังหาเกิดขึ้นมากมาย โดยคอนโดมิเนียมราคา 5-10 ล้านบาทขายดีมาก ด้วยอัตราการขาย 25.6% ต่อเดือน ส่วนคอนโดราคาต่ำลงมาหน่อย 3-5 ล้านบาทเองก็ขายดีด้วยอัตราการขาย 19.3% ต่อเดือน ในขณะที่คอนโดราคาต่ำลงมา 2-3 ล้านบาท มีอัตราการขายน้อยลงมา และยังเหลืออุปทานในตลาดมากถึง 60% (แผนภูมิวงกลม) แสดงว่าคอนโดราคาแพงอาจมีความต้องการสูง ในขณะที่อุปทานน้อยกว่าทำให้ขายออกได้เร็ว และเหลือขายน้อย

อันดับที่ 5:  คอนโด ทำเล เจ้าคุณทหาร ระดับราคา 1-2 ล้านบาท อัตราการขาย 22.5% ต่อเดือน

บ้านคอนโดทำเลขายดี

       ทำเลนี้ครอบคลุมพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ตั้งแต่บริเวณมีนบุรี ถนนรามคำแหง ที่มีรถไฟฟ้าสองสายกำลังจะพาดผ่าน คือ รถไฟฟ้าสายสีส้ม (ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี) คาดว่าจะสร้างเสร็จในปี 2566 และรถไฟฟ้าสายสีชมพู (ช่วงแคราย-มีนบุรี) คาดว่าจะสร้างเสร็จในปี 2564 ลงใต้ไปจนถึงเส้นทางรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ สาเหตุที่ทำให้ คอนโดมิเนียมราคา 1-2 ล้านบาท ขายดี โดยมีอัตราการขายสูงถึง 22.5% ต่อเดือน เป็นเพราะมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดใหม่บริเวณมีนบุรี ใกล้กับเส้นทางรถไฟฟ้าที่สายสีส้ม และ ชมพู เป็นคอนโดสูง High-rise ตึกแรกในย่านมีนบุรี ทำให้ขายดี ขายหมดอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เหลือคอนโดราคา 1-2 ล้านบาทในทำเลเพียง 20 หน่วยเท่านั้น (แผนภูมิวงกลม)

       หากใครมีที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ในทำเลไหน กำลังมองหาโอกาส ว่าจะเก็บไว้ ขายต่อ หรือนำไปลงทุนพัฒนาอย่างไร Feasy ช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลตลาดอสังหาฯ รายทำเล รายประเภทอสังหาฯ จากข้อมูลตลาดที่ได้รับการเก็บข้อมูลโดยศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย อัพเดททุกครึ่งปี แค่คุณ “เพิ่มที่ดิน” ก็สามารถดูศักยภาพที่ดินรายแปลง แล้ว “สร้างแผนการลงทุน” เพื่อดูข้อมูลตลาด ราคาเฉลี่ย อัตราการขายในทำเล คู่แข่งในทำเล และคำนวณต้นทุนราคาที่ดินที่รับได้หากจะพัฒนาที่ดินเป็นโครงการจัดสรรแนวราบ หรือ คอนโดมิเนียม

Keywords: อัตราการขาย, ขายดี,

#ตลาดอสังหาฯ#ลงทุนอสังหาฯ#อัตราผลตอบแทน

เว็บไซต์ อ้างอิง : https://www.feasyonline.com/content/detail/1281

สรุป! ถนนกว้างเท่านี้ สร้างอาคารได้ขนาดเท่าไหร่?

 

        ความกว้างถนนส่งผลต่อศักยภาพการพัฒนา และราคาที่ดิน! บางคนถามมาว่าทำไมราคาที่ดินติดถนนใหญ่ ถึงแพงกว่าราคาที่ดินในซอย? ขนาดถนนหน้าที่ดินมีความสำคัญอย่างไร? ต้องบอกว่าความกว้างถนนมีผลต่อศักยภาพของทีี่ดินมากเลยทีเดียว ต่อให้ไม่ใช่ที่ดินในซอย แต่ความกว้างถนนต่างกันเพียงไม่กี่เมตร ราคาที่ดินก็อาจจะต่างกันมาก เพราะศักยภาพในการพัฒนาอาคารต่างกัน โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานครเพราะมีข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเยอะ เรามาดูตัวอย่างกัน

จะสร้างคอนโด ติดถนนกว้างน้อยกว่า 6เมตรได้ไหม?

มักมีคนถามว่าถ้ามีที่ดินติดถนนกว้างน้อยกว่า 6 เมตร ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะสร้างคอนโด อะพาร์ตเมนต์ได้ไหม? คำตอบคือ หากอยู่ในกรุงเทพมหานครจะไม่สามารถสร้างอาคารขนาดมากกว่า 2,000 ตร.ม. ได้โดยอ้างอิงจาก

  • กฎกระทรวงฉบับที่ 7 (พ.ศ. 25171) ข้อ 3 (ซ) อาคารขนาดใหญ่ให้มีที่จอดรถยนต์ ตามจำนวนที่กำหนดของแต่ละประเภทของอาคารที่ใช้เป็นที่ประกอบกิจการในอาคารขนาดใหญ่นั้นรวมกัน หรือ ให้มีที่จอดรถยนต์ไม่น้อยกว่า 1 คันต่อพื้นที่อาคาร 120 ตร.ม. (เศษของ 120 ตารางเมตรให้คิดเป็น 120 ตารางเมตร ทั้งนี้ให้ถือที่จอดรถยนต์จำนวนที่มากกว่าเป็นเกณฑ์)
  • ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2544 ข้อ 90 ทางเข้าออกของรถจากที่จอดรถหรืออาคารจอดรถ ซึ่งมีที่จอดรถตั้งแต่ 15 คันขึ้นไป ต้องเชื่อมต่อกับทางสาธารณะที่มีความกว้างไม่น้อยกว่า 6 เมตร และยาวต่อเนื่องไปสู่ทางสาธารณะที่กว้างกว่า
  • อาคารขนาดใหญ่ คือ อาคารที่มีพื้นที่รวมกันทุกชั้น หรือชั้นใดชั้นหนึ่งตั้งแต่ 2,000 ตารางเมตรขึ้นไป หรืออาคารที่มีความสูงเกิน 15 เมตร และมีพื้นที่รวมกันทุกหรือชั้นใดชั้นหนึ่ง เกิน 1,000 ตารางเมตร

หมายความว่าถ้าจะสร้างอาคารขนาดใหญ่ (พื้นที่รวมตั้งแต่ 2,000 ตารางเมตรขึ้นไป) ได้ ต้องมีที่จอดรถ 1 คัน/พื้นที่อาคาร 120 ตร.ม. เท่ากับต้องมีที่จอดรถขั้นต่ำ 17 คัน (2000/120 = 16.67 ปัดขึ้น) ซึ่งอาคารที่มีที่จอดรถตั้งแต่ 15 คันนั้นต้องมีทางเข้าออกสู่ถนนสารณะกว้างไม่น้อยกว่า 6 เมตร ยาวต่อเนื่องไปสู่ถนนสาธารณะที่กว้างกว่า

สรุปคือ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ถ้าจะสร้างอาคารขนาดใหญ่จะต้องมีทางออกติดถนนกว้างอย่างน้อย 6 เมตรนั่นเอง หากต้องการพัฒนาอาคารที่อยู่อาศัยรวม เช่น คอนโดมิเนียม และอะพาร์ตเมนต์ ซึ่งต้องใช้พื้นที่ให้เต็มศักยภาพของที่ดิน ก็ต้องหาที่ดินติดถนนกว้างอย่างน้อย 6 เมตรนั่นเอง

ที่ดินติดถนนกว้างตั้งแต่ – น้อยกว่า 10เมตร พัฒนาคอนโด Low-rise ได้

หากถนนกว้างตั้งแต่ 6 – น้อยกว่า 10 เมตรจะสร้างอาคารสูง และอาคารขนาดใหญ่พิเศษไม่ได้ ก็จะสร้างอาคารได้ขนาดไม่เกิน 9,999 ตร.ม. และสูงได้น้อยกว่า 23 เมตร (อาคารสูง คือ อาคารที่สูงตั้งแต่ 23 เมตรขึ้นไป) หมายความว่าสามารถพัฒนาเป็นคอนโด Low-rise ได้

ที่ดินติดถนนกว้าง 10 – น้อยกว่า 18เมตร พัฒนาอาคารสูง อาคารขนาดใหญ่พิเศษไม่เกิน30,000 ตร..ได้

เพราะอาคารขนาดใหญ่พิเศษ (อาคารขนาดใหญ่พิเศษ คือ อาคารที่มีพื้นที่รวมกันทุกชั้น หรือชั้นใดชั้นหนึ่งในหลังเดียวกัน ตั้งแต่ 10,000 ตารางเมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน 30,000 ตร.ม.) จะต้องมีด้านใดด้านหนึ่งของที่ดินไม่น้อยกว่า 12 เมตร ติดถนนสาธารณะที่มีเขตทางกว้างไม่น้อยกว่า 10.00 เมตร ยาวต่อเนื่องกันโดยตลอดจนไปเชื่อมต่อกับถนนสาธารณะอื่นที่มีเขตทางกว้างไม่น้อยกว่า 10.00 เมตร กฎกระทรวงฉบับที่ 50 (พ.ศ.2535)

ที่ดินติดถนนกว้างตั้งแต่ 18เมตรขึ้นไป พัฒนาอาคารสูง อาคารขนาดใหญ่พิเศษพื้นที่มากกว่า30,000 ตร..ได้

สำหรับที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งของอาคารสูง หรือ อาคารขนาดใหญ่พิเศษที่มีพื้นที่อาคารรวมกันทุกชั้นมากกว่า 30,000 ตารางมตร ต้องมีด้านหนึ่งค้นใดของที่ดินนั้นยาวไม่น้อยกว่า 12.00 เมตร ติดถนนสาธารณะที่มีเขตทางกว้างไม่น้อยกว่า 18. 00 เมตร ยาวต่อเนื่องกัน โดยตลอดจนไปเชื่อมต่อกับถนนสาธารณะอื่นที่มีเขตทางกว้างไม่น้อยกว่า 18.00 เมตร กฎกระทรวงฉบับที่ 50 (พ.ศ.2535)

อ่านเพิ่มเติม: ทำไมที่ดินในซอย ถึงราคาถูกกว่าที่ดินติดถนนใหญ่มาก?

จะเห็นว่าความกว้างถนนหน้าที่ดินต่างกันเพียง 1 เมตรก็ส่งผลต่อศักยภาพในการพัฒนาอาคาร ทำให้พื้นที่อาคารที่ก่อสร้างได้ต่างกันอย่างมาก และจะส่งผลต่อราคาที่ดินอีกด้วย เพราะฉะนั้นก่อนที่จะตกลงซื้อขายที่ดิน ก็ควรจะตรวจสอบความกว้างถนนให้แน่ใจว่าความกว้างถนนตามสภาพจริงนั้นเป็นเท่าไหร่ ตลอดเส้นทาง เพื่อที่จะได้ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในภายหลังได้

Keywords: ความกว้างถนน, ศักยภาพที่ดิน, พัฒนาคอนโด, ราคาที่ดิน

#กฎหมายอสังหาฯ#ที่ดิน#ราคาที่ดิน

เว็บไซต์ อ้างอิง : https://www.feasyonline.com/content/detail/1292

ทำไมราคาที่ดินในซอย ถึงถูกกว่าราคาที่ดินติดถนนใหญ่มาก?

 

หลายคนสงสัยว่าทำไมที่ดินอยู่ใกล้กัน แค่ถนนกว้างไม่เท่ากันไม่กี่เมตรถึงขายที่ดินได้ในราคาที่ต่างกันนัก? โดยเฉพาะที่ดินในซอยที่ราคาจะถูกกว่าที่ดินติดถนนใหญ่มาก ๆ เป็นเพราะอะไร? เดี๋ยวเรามาดูกันชัด ๆ ถึงเหตุผล และตัวอย่างว่าที่ดินลักษณะเหมือนกัน ทำเลเดียวกัน แต่ถนนด้านหน้าที่ดินขนาดต่างกัน จะมีราคาที่ดินต่างกันขนาดไหน?

ราคาที่ดิน ขึ้นอยู่กับ ศักยภาพในการพัฒนา

ยิ่งสร้างอาคารได้ใหญ่ขึ้น มูลค่าโครงการสูงขึ้นก็ตั้งราคาที่ดินได้สูงขึ้น

สาเหตุที่ราคาที่ดินในซอย ถูกกว่าที่ดินติดถนนใหญ่มาก นั่นเป็นเพราะว่า ความกว้างถนนหน้าที่ดิน มีผลต่อศักยภาพในการพัฒนาอาคาร ถ้าถนนแคบกว่า 6 เมตรจะนำไปพัฒนาเป็นอาคารขนาดไม่เกิน 2000 ตร.ม. เท่านั้น ทำได้เพียงโครงการแนวราบ ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม อาคารพานิชย์ โฮมออฟฟิศ เป็นต้น ถึงแม่ที่ดินจะอยู่ในทำเลดี พื้นที่สีผังเมืองที่มี FAR สูง แต่ก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้มากนัก

อ่านเพิ่มเติม: สรุป! ถนนกว้างเท่านี้ สร้างอาคารได้ขนาดเท่าไหร่?

ส่วนที่ดินในซอยที่กว้างไม่ถึง 10 เมตร จะพัฒนาอาคารสูง อาคารขนาดใหญ่พิเศษไม่ได้ ก็จะพัฒนาได้เพียงอาคาร Low-rise สูงน้อยกว่า 23 เมตร พื้นที่ไม่เกิน 9,999 ตร.ม. หากไปเทียบกับที่ดินแปลงที่ติดถนนใหญ่กว้างตั้งแต่ 10 เมตรขึ้นไปที่พัฒนาอาคารสูง และอาคารขนาดใหญ่พิเศษได้ จะมีพื้นที่อาคารน้อยกว่า พื้นที่ขายน้อยกว่า มูลค่าโครงการต่ำกว่า ทำให้ราคาที่ดินต่ำกว่านั่นเอง

คิดเหมือนเราเป็นแม่ค้าขายขนมเค้ก ถ้าจะขายขนมเค้กชิ้นละ 50 บาท เราก็จะยอมจ่ายเงินสูงกว่าสำหรับต้นทุนค่าเตาอบที่อบขนมได้ 500 ชิ้น/วัน มากกว่าเตาอบที่อบขนมได้เพียง 100 ชิ้น/วัน เพราะถ้าเราขายได้เยอะขึ้น ก็สามารถแบกรับต้นทุนที่สูงกว่าได้ ถ้าเทียบเป็นที่ดิน ถ้าที่ดินทำเลเดียวกัน นำไปพัฒนาเป็นคอนโดขายได้ราคาต่อตร.ม. พอ ๆ กัน ที่ดินที่สามารถนำไปพัฒนาคอนโดมิเนียมได้จำนวนห้องมากกว่า ก็จะขายได้ในราคาสูงกว่า เพราะ developer สามารถรับต้นทุนที่สูงขึ้นได้ หากคุ้มค่าต่อการลงทุน

หากถนนหน้าที่ดินกว้าง 5 เมตร, 6 เมตร, 10 เมตร ราคาที่ดินจะต่างกันขนาดไหน

ถ้ามีที่ดินขนาด 1.5 ไร่ รูปร่างเหมือนกัน อยู่ในทำเลพื้นที่สีผังเมืองสีแดง พ.5 (ที่ดินประเภทพาณิชยกรรม) FAR 10:1 OSR 3% เหมือนกัน แต่มีทางเข้าออกสู่ถนนขนาดไม่เท่ากัน จะมีศักยภาพในการพัฒนาต่างกัน ทำให้ราคาที่ดินต่างกันมาก ถึงแม้แปลงที่ดินจะอยู่ใกล้กันก็ตาม

ในกรณีนี้ หากสร้างอาคารได้สูงสุดตาม FAR จะสร้างอาคารได้พื้นที่ 24,000 ตร.ม./แปลงที่ดิน แต่เมื่อดูศักยภาพคู่กับความกว้างถนนแล้ว บางแปลงอาจไม่สามารถสร้างอาคารได้เต็มศักยภาพของ FAR ได้ อาจต้องสร้างหลายอาคารในที่ดินแปลงเดียวกัน ส่วนจะสร้างได้กี่อาคารนั้นก็ต้องดูรูปร่างที่ดิน หน้ากว้างที่ดิน เพื่อกำหนดระยะห่างระหว่างอาคาร และระยะร่นอีกด้วย

  • ถ้าถนนกว้าง 5 เมตร สร้างอาคารได้ขนาดไม่เกิน 2,000 ตร../อาคาร มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการแนวราบ
  • ถ้าถนนกว้าง 6 เมตรสร้างอาคารได้สูงสุด 9,999 ตร.ม./อาคาร มีศักยภาพในการพัฒนาคอนโดLow-rise
  • ถ้าถนนกว้าง 10 เมตร สร้างอาคารได้ขนาดสูงสุด 30,000 ตร../อาคาร มีศักยภาพในการพัฒนาคอนโด High-rise แต่เมื่อดูคู่กับกฎผังเมืองแล้ว ต้องเลือกตามศักยภาพที่น้อยกว่า คือสร้างได้ 24,000 ตร.ม.
    (ที่ดินต้องมีหน้ากว้างที่ดินด้านใดด้านหนึ่งไม่น้อยกว่า12 เมตรติดกับทางสาธารณะ และถนนสาธารณะต้องมีเขตทางกว้างไม่น้อยกว่า 10 เมตรยาวตลอดแนวไปจนถึงถนนสาธารณะอื่น (อีกสาย) ซึ่งต้องกว้างไม่น้อยกว่า 10 เมตร เข่นกัน

จะเห็นว่าถ้าที่ดินติดถนนกว้างไม่ถึง 6 เมตรจะสร้างอาคารขนาดใหญ่ไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม อะพาร์ตเมนต์ หรืออาคารที่ต้องการใช้พื้นที่มาก ๆ เพราะไม่สามารถใช้ประโยชน์ที่ดินได้สูงนัก จึงมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นโครงการแนวราบ ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม อาคารพานิชย์ โฮมออฟฟิศ เป็นต้น โดยจะพัฒนาได้กี่อาคารนั้นก็ขึ้นอยู่กับการวางผัง และการกำหนดระยะห่างระหว่างอาคารอีกด้วย อย่างไรก็ตามหากไม่ใช่โครงการ Hi-end ระดับราคาแพงมาก มูลค่าโครงการจะไม่สูงเท่ากับการพัฒนาคอนโดมิเนียม ทำให้ต้นทุนราคาที่ดินที่ developer จะซื้อเพื่อนำไปพัฒนาโครงการขายไม่สูงนักเมื่อเทียบกับที่ดินแปลงอื่น

ส่วนที่ดินติดถนนกว้างตั้งแต่ 6 แต่ไม่ถึง 10 เมตรก็สามารถพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม หรือ อะพาร์ตเมนต์ได้ แต่เป็นได้เพียงอาคารสูงไม่เกิน 8 ชั้น (Low-rise) และ อาคารขนาดใหญ่ <10,000 ตร.ม. เพราะไม่สามารถพัฒนาอาคารสูง หรือ อาคารขนาดใหญ่ได้ ทีนี้ หากเรามาลองเทียบกันว่า ที่ดินที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมเหมือนกัน ขนาดเท่ากัน ทำเลเดียวกัน แต่ติดถนนกว้างต่างกันคือ 6 เมตร และ 10 เมตร ตามลำดับ จะสามารถตั้งราคาขายที่ดินได้ต่างกันขนาดไหน? ด้วยวิธีการคำนวณต้นทุนราคาที่ดิน (Residual Method) โดยมีหลักการดังนี้

ราคาที่ดิน = มูลค่าโครงการ – ค่าใช้จ่าย – กำไรขั้นต้น

จะเห็นว่าที่ดินลักษณะเหมือนกัน ทำเลเดียวกัน แต่ถนนหน้าที่ดินกว้างต่างกัน ก็ทำให้ราคาที่ดินต่างกันได้มากถึง 2.47 เท่า เพราะที่ดินติดถนน 6 เมตร สร้างอาคารได้เพียง 9,999 ตร.ม. ในขณะที่ที่ดินติดถนนกว้าง 10 เมตร สามารถสร้างอาคารได้สูงสุดตามศักยภาพ FAR 10:1 คือ 24,000 ตร.ม. ทำให้มูลค่าโครงการต่างกันอย่างมาก เมื่อหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และกำไรขั้นต้นแล้ว คงเหลือต้นทุนราคาที่ดินต่างกัน โดยแปลงที่ดินถนนกว้าง 6 เมตร มีต้นทุนราคาที่ดิน 206,645 บาท/ตร.วา ส่วนที่ดินแปลงที่ติดถนนกว้าง 10 เมตร มีต้นทุนราคาที่ดิน 510,000 บาท/ตร.วา ทั้งที่ตั้งราคาขายคอนโดเท่ากัน แต่ต้นทุนราคาที่ดินที่คำนวณออกมาได้ ซึ่งสามารถใช้ตั้งเป็นราคาขายที่ดินได้นั้นต่างกันเพราะพื้นที่อาคารที่ก่อสร้างได้ต่างกันนั่นเอง เพราะฉะนั้น ก่อนจะซื้อ-ขายที่ดิน ต้องวิเคราะห์ศักยภาพที่ดินให้ดี จึงจะสามารถตั้งราคาขายที่เหมาะสมได้

ดังนั้น หากมีคนถามว่าที่ดินอยู่ในทำเลเดียวกัน ทำไมราคาถึงไม่เท่ากัน ก็สามารถตอบได้ว่า ศักยภาพในการพัฒนาของที่ดินแต่ละแปลงไม่เท่ากัน ทำให้สามารถตั้งราคาขายได้ต่างกันนั่นเอง

หากคุณต้องการคำนวณต้นทุนราคาที่ดินตามตัวอย่างข้างต้น ก็ทำได้ไม่ยาก เพราะคุณสามารถใช้เครื่องมือคำนวณต้นทุนราคาที่ดิน ในเว็บไซต์ Feasy โปรแกรมวิเคราะห์การลงทุนอสังหาฯ ออนไลน์ เพียงเพิ่มข้อมูลที่ดินของคุณเข้าไป ก็สามารถ “สร้างแผนการลงทุน” เข้าถึงข้อมูลตลาดในพื้นที่ คู่แข่งและสถานที่สำคัญ รวมไปถึงคำนวณต้นทุนราคาที่ดินโดยมีข้อมูลมาตรฐานราคาค่าก่อสร้าง ประกอบการตัดสินใจ

สมัครสมาชิก ทดลองใช้ฟรี ที่นี่ www.feasyonline.com/member/register
(แพคเกจฟรี สามารถวิเคราะห์ที่ดินได้ 1 แปลง เก็บข้อมูลไว้ตลอดไป)


Keywords: ราคาที่ดิน, ความกว้างถนน, ศักยภาพที่ดิน

#กฎหมายอสังหาฯ#ที่ดิน#ราคาที่ดิน

เว็บไซต์ อ้างอิง : https://www.feasyonline.com/content/detail/1293